top of page
3.png

Address

อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ ชั้น 2 111 ถ.มหาวิทยาลัย ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000

Contact

044-223-917

  • Facebook

ค่าเทอม

ประมาณ 470,400 บาท

แต่ละเทอมหน่วยกิตต่างกัน

ทุนการศึกษา

1. ทุนสมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทย

สำหรับนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 1 เป็นผู้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ/ขาดแคลนทุนทรัพย์ มีความตั้งใจที่จะไปปฏิบัติงานเป็นแพทย์ในภูมิลำเนา

2. ทุนชิน โสภณพนิช

สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย เป็นผู้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ/ขาดแคลนทุนทรัพย์

3. ทุนจงกลนีนิธิ

สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1-3 เป็นผู้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ/ขาดแคลนทุนทรัพย์

4. ทุนเรียนดี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ขึ้นไป

มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.25

5. รางวัลศรีปีบทองและรางวัลปีบทอง

สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ขึ้นไป

ระดับผลการเรียนเฉลี่ยหากเป็นรางวัลศรีปีบทอง ไม่ต่ำกว่า 3.00 รางวัลปีบทองด้านวิชาการ ไม่ต่ำกว่า 3.50 เป็นต้น

6. ทุนโครงการ ‘บัณฑิตคืนถิ่น’ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1-2 มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด และยินดีจะกลับไปปฏิบัติงานที่ภูมิลำเนาเดิมหรือจังหวัดใกล้เคียง

7. ทุนการศึกษาบัญชา บุษกร พรประภา (จ.สุรินทร์) สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1-6 ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดสุรินทร์

เป็นโรงเรียนแพทย์ที่มุ่งมั่นพัฒนาการแพทย์ของภูมิภาคและประเทศ สู่ระดับมาตรฐานสากล สร้างคุณค่าให้กับชุมชน

" พัฒนานักศึกษาสู่ความเป็นเลิศ สร้างคุณค่าแก่สังคม ผ่านกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อคุณภาพชีวิตนักศึกษาแพทย์และสร้างสังคมการเรียนแพทย์อย่างมีความสุข สู่การเป็นโรงเรียนแพทย์อันดับหนึ่งของประเทศ "

จุดเด่นในคณะ

หากจะพูดถึงจุดเด่นในคณะคงต้องเป็นเรื่องชนบทศึกษาทางการแพทย์ (MEDICAL RURAL STUDIES) การเรียนวิชาชนบทศึกษาทางการแพทย์ เป็นการเรียนรู้แบบนอกห้องเรียน ทำให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ฝึกทักษะการสื่อสารและการคิดวิเคราะห์ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สะท้อนความคิดความรู้สึก ซึ่งหัวใจสำคัญของวิชานี้ คือ รู้ตน รู้คน รู้คิด วิชาที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้นักศึกษาได้บูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ที่ได้เรียนจากวิชาในชั้น Pre-med และ Pre Clinic เชื่อมโยงกับองค์ความรู้ด้านสังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา พฤติกรรมศาสตร์และการสาธารณสุขชนบท โดยการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ชุมชนจริงเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ มุ่งเน้นทัศนคติที่ดี เข้าถึงเข้าใจตนเอง ชุมชนและสังคม รวมถึงได้เห็นถึงความสำคัญของการเป็นแพทย์ที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์ ผ่านความสนุกสนานและความอบอุ่นของ “ชนบท”

ประวัติสถาบัน

เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนแพทย์ คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2535 ได้มีมติให้ทบวงมหาวิทยาลัย เพิ่มการรับนักศึกษาแผนปกติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 อีกปีละ 340 คนต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ได้พิจารณาให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ในส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้นอีก สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นสำนักวิชาหนึ่งที่ได้จัดตั้งขึ้นโดยมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับ พิเศษหน้า 22 เล่ม 110 ตอนที่ 210 ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2536

ข้อมูลการสอบเข้า

1. รอบ Portfolio รับจำนวน 60 คนจากพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มแพทย์เพื่อชุมชน จำนวน 42 คน และกลุ่มแพทย์ลดความเหลื่อมล้ำ จำนวน 18 คน

 

2. รอบโควตาพื้นที่ รับจำนวน 24 คนจากพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มแพทย์เพื่อชุมชน จำนวน 17 คน และกลุ่มแพทย์ลดความเหลื่อมล้ำ จำนวน 7 คน

 

3. รอบรับตรงร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.)

รับนักเรียนจากทั่วประเทศจำนวน 12 คน

สรุปชีวิตการเรียน

Pre-clinic (ปี 1-3)

ปี 1 : ส่วนใหญ่เรียนวิชา General เรียนวิชาศึกษาเพิ่มเติมแบบเลือก และวิชาเสรี เวลาว่างค่อนข้างเยอะพอที่จะหากิจกรรมหรือสิ่งที่ชอบทำได้บ้าง แต่ก็ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบในการเรียนอยู่เสมอ

ปี 2 : เปลี่ยนระบบการเรียนเป็น Block system คือ เรียนทีละวิชาตามระบบร่างกาย เรียนจบสอบตัดเกรดเริ่มเรียนวิชาใหม่ต่อ แต่ละบล็อกมีเวลาเรียนไม่เท่ากันแล้วแต่หน่วยกิต มีการเรียนที่หลากหลายมากขึ้นกว่าตอนปี 1

ปี 3 : เป็นปีมหกรรมการสอบใหญ่พอสมควร เพราะเตรียมสอบทั้งสอบบล็อกในแต่ละเทอม comprehensive และ NL1 ซึ่งเป็นการรวมเนื้อหา Pre-clinic เป็นปีสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันก่อนแยกไปตามศูนย์ด้วย

 

Clinic (ปี 4-6)

ปี 4 : เป็นเหมือนการเริ่มต้นใหม่ กลับไปเป็นเฟรชชี่อีกครั้ง จะมีคนคอยให้ความรู้ สอนทุกอย่าง เป็นปีที่ต้องปรับตัวเยอะ ในการเรียนจากพรีคลินิกมาสู่คลินิก โดยรวม ๆ แล้วเป็นปีแห่งการปรับตัวและเก็บประสบการณ์

ปี 5 : เป็นปีที่ถือว่าสบายที่สุดถ้าเทียบในชั้นคลินิก อาจจะเพราะเราเริ่มปรับตัวกับระบบการเรียนชั้นคลินิกได้ และมีวิชา minor เยอะ เลยเหมือนการพักผ่อนในชั้นคลินิก

ปี 6 : สนุกสุดของการเรียนแพทย์ มันเหมือนเราเป็นแพทย์จริง ๆ ได้คิดตั้งแต่ผู้ป่วยมาหาเรา วางแผนการรักษา จนถึงการกลับบ้าน สนุกที่ได้คิดเอง มีพี่และอาจารย์คอยช่วย แม้จะเหนื่อยสุด แต่ก็สนุกสุด ๆ เช่นกัน

  • RSS
  • Facebook
  • Instagram
  • Youtube
bottom of page